
เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จัดตั้งโครงการรับสมัครเยาวชนและผู้สนใจเข้าฝึกหัดการแสดงโขน โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทย
เพื่อจัดการแสดงในโอกาสงานฉลอง ๑๐๐ ปีชาตกาล ของ ศาสตราจารย์ พลตรีหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ตามที่
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
กอปรกับร่วมฉลองวาระเปิดอาคารสถาบันคึกฤทธิ์ด้วย ในปีแรกนี้ มีผู้ที่สนใจเข้าเรียนและฝึกหัดโขน และละคร จำนวน ๗๐ คน
ความสำเร็จจากการจัดโครงการในครั้งแรกนั้นเอง ทำให้ในปีถัดมามีผู้สนใจ จำนวน ๒๐๐ คน และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยมา
ด้วยสัมฤทธิผลที่เกิดขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ จึงมีมติจัดตั้ง “ศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์” ขึ้น
ในพุทธศักราช ๒๕๕๕ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ด้านการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทย
โดยเฉพาะการแสดงโขน ซึ่งได้รับความกรุณาจาก ครูจตุพร รัตนวราหะ ศิลปินแห่งชาติ
สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน(ยักษ์)) เป็นผู้ดูแลควบคุมการฝึกหัดให้เป็นไปตามขั้นตอนและจารีตของโขน
โดยมีครูผู้ใหญ่ และคณะครูจากวิทยาลัยนาฏศิลป เป็นผู้ฝึกสอน อาทิ
ครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(นาฏศิลป์-โขน(ลิง))
ครูทัศนีย์ ขุนทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย-คีตศิลป์(ขับร้อง))
ซึ่งครูทั้ง ๓ ท่านเป็นบุคคลที่ได้รับรางวัลศิลปินคึกฤทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วยังมีศิลปินชั้นครูจากสาขาต่างๆ
รวมจำนวน ๓๐ คน มาสอนที่ศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ด้วย
พุทธศักราช ๒๕๕๘ ศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ มีผู้เข้าเรียนทั้งสิ้น ๖๓๙ คน และ
เปิดสอนเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ โดยมีการสอน ๕ สาขา ได้แก่ โขน ละคร ดนตรีไทย พากย์โขน และขับร้องเพลงไทยเดิม
ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทั้งด้านเงินทุนและสถานที่ฝึกซ้อม
โดยหมายมุ่งใช้การฝึกหัดโขนเป็นเครื่องมือให้เยาวชนได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่ง
มีความโดดเด่นด้านการเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับจังหวะดนตรี เป็นการออกกำลังกายที่เชื่อมโยงกับ
การฝึกฝนจิตใจและวินัยของผู้เรียน รวมทั้งการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นประโยชน์ต่อ
การพัฒนาเยาวชนทั้งด้านบุคลิกภาพและทักษะการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ยังมุ่งหมายให้เยาวชนสืบทอดศิลปวิทยาด้านนาฏศิลป์และดนตรี
ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยสืบไป